Learn English from Bible

Thursday, January 25, 2007

Mark 3:31-35

Then Jesus' mother and brothers arrived. Standing outside, they sent someone in to call him. A crowd was sitting around him, and they told him, 'Your mother and brothers are outside looking for you.' 'Who are my mother and my brothers?' he asked. Then he looked at those seated in a circle around him and said, 'Here are my mother and my brothers! Whoever does God's will is my brother and sister and mother.' Mark 3:31-35 NIV



31 เวลานั้นมารดาและพวกน้องชายของพระองค์มายืนอยู่ข้างนอก แล้วใช้คนเข้าไปทูลเรียกพระองค์
32 และประชาชนก็นั่งอยู่รอบพระองค์ เขาจึงทูลพระองค์ว่า "นี่แน่ะท่าน มารดาและพวกน้องชายของท่านมาหาท่านคอยอยู่ข้างนอก"
33 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ใครเป็นมารดาของเรา และใครเป็นพี่น้องของเรา"
34 พระองค์ทอดพระเนตรคนที่นั่งล้อมรอบนั้นแล้วตรัสว่า "นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา
35 ผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระเจ้า ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา"

Tuesday, January 23, 2007

Mark 3:13-19

Jesus went up on a mountainside and called to him those he wanted, and they came to him. He appointed twelve--designating them apostles--that they might be with him and that he might send them out to preach and to have authority to drive out demons. These are the twelve he appointed: Simon (to whom he gave the name Peter James son of Zebedee and his brother John (to them he gave the name Boanerges, which means Sons of Thunder Andrew, Philip, Bartholomew, Matthew, Thomas, James son of Alphaeus, Thaddaeus, Simon the Zealot and Judas Iscariot, who betrayed him. Mark 3:13-19 NIV



13 แล้วพระองค์เสด็จขึ้นภูเขา และพอพระทัยจะเรียกผู้ใดพระองค์ก็ทรงเรียกผู้นั้น แล้วเขาได้มาหาพระองค์
14 พระองค์จึงทรงตั้งศิษย์สิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เพื่อจะทรงใช้เขาไปประกาศ
15 และให้มีอำนาจขับผีออกได้
16 และซีโมนนั้นพระองค์ทรงประทานชื่ออีกว่า เปโตร
17 และยากอบบุตรเศเบดีกับยอห์นน้องของยากอบ ทั้งสองคนนี้พระองค์ทรงประทานชื่ออีกว่า โบอาเนอเย แปลว่า ลูกฟ้าร้อง
18 อันดรูว์ ฟีลิป บารโธโลมิว มัทธิว โธมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมน พรรคชาตินิยม
19 และยูดาสอิสคาริโอท ที่ได้อายัดพระองค์ไว้นั้นพระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเรือน

Psalm 95:1-7

Come, let us sing for joy to the LORD; let us shout aloud to the Rock of our salvation. Let us come before him with thanksgiving and extol him with music and song. For the LORD is the great God, the great King above all gods. In his hand are the depths of the earth, and the mountain peaks belong to him. The sea is his, for he made it, and his hands formed the dry land. Come, let us bow down in worship, let us kneel before the LORD our Maker; for he is our God and we are the people of his pasture, the flock under his care. Psalm 95:1-7 NIV


1 มาเถิด ให้เราทั้งหลายร้องเพลงถวายพระเจ้า ให้เรากระทำเสียงชื่นบานถวายพระศิลาแห่งความรอดของพวกเรา
2 ให้เราทั้งหลายเข้ามาอยู่เฉพาะเบื้องพระพักตร์ด้วยโมทนา ให้เรากระทำเสียงชื่นบานถวายพระองค์ด้วยบทเพลงสรรเสริญ
3 เพราะพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่ง และทรงเป็นกษัตริย์ใหญ่ยิ่งเหนือพระทั้งหลาย
4 ที่ลึกของแผ่นดินโลกอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ที่สูงของภูเขาเป็นของพระองค์ด้วย
5 ทะเลเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างมันและพระหัตถ์ของพระองค์ทรงปั้นแผ่นดิน
6 มาเถิดให้เรานมัสการและกราบลง ให้เราคุกเข่าลงต่อพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกเรา
7 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์ และเป็นแกะแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ วันนี้ จะใคร่ให้ท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระองค์

Sunday, January 21, 2007

Proverbs 23:22-25

Listen to your father, who gave you life, and do not despise your mother when she is old. Buy the truth and do not sell it; get wisdom, discipline and understanding. The father of a righteous man has great joy; he who has a wise son delights in him. May your father and mother be glad; may she who gave you birth rejoice! Proverbs 23:22-25 NIV

22 จงฟังบิดาของเจ้าผู้ให้กำเนิดเจ้า และอย่าดูหมิ่นมารดาของเจ้าเมื่อนางแก่
23 จงซื้อความจริงและอย่าขายไปเสีย จงซื้อปัญญา วินัย และความรอบรู้
24 บิดาของคนชอบธรรมจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง บุคคลผู้ให้เกิดบุตรชายที่ฉลาดจะยินดีด้วยกันกับเขา
25 จงให้บิดามารดาของเจ้ายินดี จงให้ผู้ที่คลอดเจ้าเปรมปรีดิ์

Psalm 119:105-108

Your word is a lamp to my feet and a light for my path. I have taken an oath and confirmed it, that I will follow your righteous laws. I have suffered much; preserve my life, O LORD, according to your word. Accept, O LORD, the willing praise of my mouth, and teach me your laws. Psalm 119:105-108 NIV

105 พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรคาของข้าพระองค์
106 ข้าพระองค์ได้ตั้งสัตย์สาบานและยืนยันไว้ ว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์
107 ข้าพระองค์ทุกข์ยากอย่างหนัก ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสงวนชีวิตของข้าพระองค์ตามพระวจนะของพระองค์
108 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรับคำสักการบูชาด้วยปากของข้าพระองค์ และขอสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์

Friday, January 19, 2007

Mark 3:7-12

Jesus withdrew with his disciples to the lake, and a large crowd from Galilee followed. When they heard all he was doing, many people came to him from Judea, Jerusalem, Idumea, and the regions across the Jordan and around Tyre and Sidon. Because of the crowd he told his disciples to have a small boat ready for him, to keep the people from crowding him. For he had healed many, so that those with diseases were pushing forward to touch him. Whenever the evil spirits saw him, they fell down before him and cried out, 'You are the Son of God.' But he gave them strict orders not to tell who he was. Mark 3:7-12 NIV

7 ฝ่ายพระเยซูกับพวกศิษย์ของพระองค์ จึงออกจากที่นั่นไปยังทะเลสาบ และคนเป็นอันมากจากแคว้นกาลิลีได้ตามไป ทั้งจากแคว้นยูเดีย
8 จากกรุงเยรูซาเล็มและจากเอโดม และจากแม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันออก และจากแคว้นเมืองไทระและไซดอน คนเป็นอันมากเมื่อทราบถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นก็มาหาพระองค์
9 พระองค์จึงตรัสสั่งพวกศิษย์ให้เอาเรือมาคอยรับพระองค์ เพื่อมิให้ประชาชนเบียดเสียดพระองค์
10 ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงรักษาคนเป็นอันมากให้หายโรค จนบรรดาผู้ที่มีโรคต่างๆเบียดเสียดกันเข้ามา เพื่อจะได้ถูกต้องพระองค์
11 และผีโสโครกที่เข้าสิงอยู่ในคนหลายคน เมื่อได้เห็นพระองค์ก็ได้หมอบลงกราบพระองค์แล้วร้องอึงว่า "พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า"
12 ฝ่ายพระองค์จึงทรงกำชับห้ามมันมิให้แพร่งพรายว่า พระองค์คือผู้ใด

Mark 3:1-6

Another time he went into the synagogue, and a man with a shriveled hand was there. Some of them were looking for a reason to accuse Jesus, so they watched him closely to see if he would heal him on the Sabbath. Jesus said to the man with the shriveled hand, 'Stand up in front of everyone.' Then Jesus asked them, 'Which is lawful on the Sabbath: to do good or to do evil, to save life or to kill?' But they remained silent. He looked around at them in anger and, deeply distressed at their stubborn hearts, said to the man, 'Stretch out your hand.' He stretched it out, and his hand was completely restored. Then the Pharisees went out and began to plot with the Herodians how they might kill Jesus. Mark 3:1-6 NIV

1 แล้วพระองค์ได้เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาอีก และที่นั่นมีคนหนึ่งมือข้างหนึ่งลีบ
2 คนเหล่านั้นคอยดูว่า พระองค์จะรักษาโรคให้คนนั้นในวันสะบาโตหรือไม่ เพื่อเขาจะหาเหตุฟ้องพระองค์ได้
3 พระองค์ตรัสแก่คนมือลีบว่า "มาข้างหน้าเถอะ"
4 พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า "ในวันสะบาโตควรจะทำการดี หรือควรจะทำร้าย จะช่วยชีวิตดีหรือจะผลาญชีวิตเสียดี" ฝ่ายคนทั้งปวงก็นิ่งอยู่
5 พระองค์มีพระทัยเป็นทุกข์ เพราะใจเขาแข็งกระด้างนัก และได้ทอดพระเนตรดูรอบด้วยพระพิโรธ และพระองค์ตรัสแก่คนมือลีบนั้นว่า "จงเหยียดมือออกเถิด" เขาก็เหยียดออก และมือของเขาก็หายเป็นปกติ
6 พวกฟาริสีจึงออกไป และในทันใดนั้นได้ปรึกษากับพรรคพวกของเฮโรดว่า จะทำอย่างไรจึงจะฆ่าพระองค์ได้

Mark 2:23-28

Lord of the Sabbath One Sabbath Jesus was going through the grainfields, and as his disciples walked along, they began to pick some heads of grain. The Pharisees said to him, 'Look, why are they doing what is unlawful on the Sabbath?' He answered, 'Have you never read what David did when he and his companions were hungry and in need? In the days of Abiathar the high priest, he entered the house of God and ate the consecrated bread, which is lawful only for priests to eat. And he also gave some to his companions.' Then he said to them, 'The Sabbath was made for man, not man for the Sabbath. So the Son of Man is Lord even of the Sabbath.' Mark 2:23-28 NIV

23 ในวันสะบาโตวันหนึ่ง พระองค์กำลังเสด็จไปในนา และเมื่อพวกศิษย์ของพระองค์กำลังเดินไปก็เด็ดรวงข้าวไป
24 ฝ่ายพวกฟาริสีจึงถามพระองค์ว่า "ดูซิ ทำไมพวกศิษย์ของท่านจึงทำการซึ่งต้องห้ามในวันสะบาโต"
25 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "พวกท่านยังไม่ได้อ่านหรือ ซึ่งดาวิดได้กระทำ เมื่อขาดอาหารและอดอยากทั้งท่านและพรรคพวกด้วย
26 คือคราวเมื่ออาบีอาธาร์เป็นมหาปุโรหิต ท่านได้เข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า และรับประทานขนมปังหน้าพระพักตร์ ที่กฎหมายห้ามไม่ให้ใครรับประทาน เว้นแต่พวกปุโรหิตเท่านั้น และยังซ้ำส่งให้คนที่มากับท่านรับประทานด้วย"
27 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ มิใช่ทรงสร้างมนุษย์ไว้สำหรับวันสะบาโต
28 เหตุฉะนั้นบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนาย เหนือวันสะบาโตด้วย"

Tuesday, January 16, 2007

2 Corinthians 9:6-9

Sowing Generously Remember this: Whoever sows sparingly will also reap sparingly, and whoever sows generously will also reap generously. Each man should give what he has decided in his heart to give, not reluctantly or under compulsion, for God loves a cheerful giver. And God is able to make all grace abound to you, so that in all things at all times, having all that you need, you will abound in every good work. As it is written: 'He has scattered abroad his gifts to the poor; his righteousness endures forever.' 2 Corinthians 9:6-9 NIV


6 นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก
7 ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี
8 และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย
9 ตามที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า เขาแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์

Monday, January 15, 2007

Mark 2:14-17

As he walked along, he saw Levi son of Alphaeus sitting at the tax collector's booth. 'Follow me,' Jesus told him, and Levi got up and followed him. While Jesus was having dinner at Levi's house, many tax collectors and 'sinners' were eating with him and his disciples, for there were many who followed him. When the teachers of the law who were Pharisees saw him eating with the 'sinners' and tax collectors, they asked his disciples: 'Why does he eat with tax collectors and 'sinners'?' On hearing this, Jesus said to them, 'It is not the healthy who need a doctor, but the sick. I have not come to call the righteous, but sinners.' Mark 2:14-17 NIV

14 เมื่อพระองค์กำลังเสด็จไปนั้น ก็เห็นชายคนหนึ่งชื่อเลวีบุตรอัลเฟอัสนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสแก่เขาว่า "จงตามเรามาเถิด" เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป
15 เมื่อพระองค์ประทับเสวยพระกระยาหารอยู่ในเรือนของเลวี มีพวกเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆ หลายคน ร่วมสำรับกับพระเยซูและพวกสาวกของพระองค์ เพราะมีคนติดตามพระองค์ไปมาก
16 ฝ่ายธรรมาจารย์ที่เป็นพวกฟาริสี เมื่อเห็นพระองค์ทรงเสวยพระกระยาหารกับพวกคนบาปและคนเก็บภาษี จึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า "เหตุไฉนอาจารย์ของท่านจึงรับประทานด้วยกันกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีตเล่า"
17 ครั้นพระเยซูทรงทราบดังนั้น จึงตรัสแก่เขาว่า "คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ เรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต"

Labels:

John 15:26-27

'When the Counselor comes, whom I will send to you from the Father, the Spirit of truth who goes out from the Father, he will testify about me. And you also must testify, for you have been with me from the beginning.' John 15:26-27 NIV

26 แต่เมื่อองค์พระผู้ช่วยที่เราจะใช้มาจากพระบิดาหาท่านทั้งหลาย คือพระวิญญาณแห่งความจริงผู้ทรงมาจากพระบิดานั้นได้เสด็จมาแล้ว พระองค์ก็จะทรงเป็นพยานให้แก่เรา
27 และท่านทั้งหลายก็จะเป็นพยานด้วย เพราะว่าท่านได้อยู่กับเราตั้งแต่แรกแล้ว

Labels:

Sunday, January 14, 2007

John 14:15-18

'If you love me, you will obey what I command. And I will ask the Father, and he will give you another Counselor to be with you forever--the Spirit of truth. The world cannot accept him, because it neither sees him nor knows him. But you know him, for he lives with you and will be in you. I will not leave you as orphans; I will come to you.' John 14:15-18 NIV

15 "ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา
16 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป
17 คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน
18 "เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่าน

Labels:

Mark 2:8-12

Immediately Jesus knew in his spirit that this was what they were thinking in their hearts, and he said to them, 'Why are you thinking these things? Which is easier: to say to the paralytic, 'Your sins are forgiven,' or to say, 'Get up, take your mat and walk'? But that you may know that the Son of Man has authority on earth to forgive sins . . . .' He said to the paralytic, 'I tell you, get up, take your mat and go home.' He got up, took his mat and walked out in full view of them all. This amazed everyone and they praised God, saying, 'We have never seen anything like this!' Mark 2:8-12 NIV

8 และในทันใดนั้น เมื่อพระเยซูทรงทราบในพระทัยว่าเขาคิดในใจอย่างนั้น จึงตรัสแก่เขาว่า "เหตุไฉนท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้เล่า
9 ที่จะว่ากับคนง่อยว่า "บาปทั้งปวงของเจ้าได้รับอภัยแล้ว" และจะว่า "จงยกแคร่เดินไปเถิด" นั้น ข้างไหนจะง่ายกว่ากัน
10 แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้" พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า
11 "เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้นยกแคร่ไปบ้านของเจ้าเถิด"
12 คนง่อยได้ลุกขึ้น แล้วก็ยกแคร่ของตนเดินออกไปต่อหน้าคนทั้งปวง คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนัก จึงสรรเสริญพระเจ้าว่า "เราไม่เคยเห็นเช่นนี้เลย"

Labels: